ส่องไฮไลต์ โปรไฟล์เริด ศิลปิน-ดีเจตัวท็อประดับโลกในงาน TOGETHER FESTIVAL 2023

ใครมีบัตรงาน Together Festival 2023 อยู่ในมือแล้ว บอกเลยว่ากำบัตรไว้ให้แน่นเลยน้าาา เพราะตั๋วเข้างานมีค่ามากกก เทศกาลดนตรี EDM ระดับโลกที่หลายคนรอคอย กลับมาอีกครั้งและเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีอีกด้วย ต้องจัดเต็มความสนุก ความมันส์อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นโปรดักชันแสง สี เสียง สุดอลังการ และอีกไฮไลต์ที่หลายคนรอคอยก็คือ เหล่าศิลปิน-ดีเจ ชื่อดังระดับโลก ที่จะเดินทางมาไทย เพื่อเสิร์ฟความสนุกให้แฟน ๆ ทุกคน และเชื่อว่าแต่ละคนที่กดบัตรไปงานนี้ ก็เพื่อรอคอยที่จะได้พบกับศิลปิน-ดีเจในดวงใจสักครั้งในชีวิต ก่อนที่งานจะเริ่มมาส่องโปรไฟล์สุดว๊าวของของเหล่าศิลปิน-ดีเจตัวท็อปของงานนี้กันหน่อย พูดเลยว่าแต่ละคนดีกรีไม่ธรรมดา โปรไฟล์เริดระดับโลก


Line up ศิลปิน - ดีเจ Together Festival 2023



ส่องไฮไลต์  ดีเจตัวท็อประดับโลกในงาน Together Festival 2023

Alesso


Alesso หรือ Alessandro Renato Rodolfo Lindblad

เริ่มกันที่ Alesso ดีเจ/โปรดิวเซอร์ชาวสวีเดน เขาเริ่มเข้าวงการดนตรีตั้งแต่ปี 2010 โดยมีเพลงระดับตำนานที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี "Calling (Lose My Mind)" ที่ทำร่วมกับ Sebastian Ingrosso ศิลปินระดับตำนานจาก SHM เขาใช้เวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นก็สามารถก้าวขึ้นไปเล่นบนเวทีระดับโลกอย่าง Tomorrowland 2012 และมีงานเฟสติวัลอื่น ๆ ที่เขาได้ขึ้นเล่นอีก ไม่ว่าจะเป็น Coachella, EDC, Creamfields และงานอื่น ๆ มากมาย

เรียกได้ว่าช่วงนั้นเขาเป็นที่จับตามองอย่างมากและเขาเคยถูกเรียกว่าเป็นคลื่นลูกที่สองของซูเปอร์สตาร์ EDM ของสวีเดนเหมือนกับ Avicii รวมถึงเขายังมีเพลงฮิตตามมาอีกมากที่ทำให้ทุกคนหลงรักเขา ไม่ว่าจะเป็นเพลง "If I Lose Myself (Alesso Remix)" "Under Control" ที่ทำร่วมกับ Calvin Harris

"Heroes (we could be)" ได้ Tove Lo มาร่วมร้องด้วย Alesso เป็นหนึ่งอีกศิลปินที่นำเพลง Pop มาผสมผสานกับเพลงของเขาได้อย่างลงตัวมาก และปัจจุบันด้วยสไตล์การเล่นดีเจใหม่ ๆ ของเขาทำให้เป็นที่จดจ้องของทุกคนทั่วโลก เป็น SET ที่ดีเยี่ยมตลอดทุกงานเลย

Eric Prydz


Eric Prydz หรือ Eric Sheridan Prydz

ต่อด้วย ดีเจ/โปรดิวเซอร์ชาวสวีเดน ที่ทุกคนรู้จักเขาในชื่อแฝงอย่าง Pryda และ Cirez D ที่บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เขาเริ่มเข้าวงการเพลงตั้งแต่ปี 2004 ที่มีเพลง "Call Me On" ขึ้นอันดับ 1 ของชาร์จ UK อย่างรวดเร็ว ต่อมาในปี 2008 เขายังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Swedis House Mafia แต่ในปีเดียวกันนั้นเขาก็ไม่ขอเข้าร่วมกับแก๊งเพื่อน ๆ ของเขาแต่ไปทำโปรเจกต์ลับแทนกับ Axwell "AxEr" และ Steve Angello "A&P Project"

และในปี 2014 เขาได้พัฒนาตัวโปรเจกต์ Epic 3.0 จัดขึ้นครั้งแรกที่ Madison Square Garden จะเป็น 4K Hologram และ เลเซอร์ทั้งหมด 32 ตัว แล้วพัฒนามาเป็น HOLOSPHERE แล้วต่อมาด้วยเป็น HOLO ที่ทุกคนรู้จักในตอนนี้นั่นเอง

เพลงดัง ๆ ของเขาที่ทุกคนรู้จักแน่นอนอย่าง "Pjanoo" "Allein" By Pyrda และเพลงดังมากๆอย่าง "Opus" และเขายังมีผลงานอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพลงหรือด้านโปรดักชันก็ตาม และนี่คือครั้งแรกของเขาที่ได้มาเล่นยังประเทศไทย

Jonas Blue


Jonas Blue หรือ Guy James Robin

ดีเจ/โปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษ ใครเป็นสาย EDM, Tropical house ต่างก็ชื่นชอบเขาคนนี้มาก ๆ ซึ่งเขาได้เริ่มโด่งดังมาตั้งแต่ปี 2015 โดยนำเพลง Fast Car ของ Tracy Chapman มาทำใหม่ในแนว Tropical House แล้วสามารถขึ้น Top 100 Billboard อันดับ 98 เลยทีเดียว

เพลงของเขานั้นมีมียอดสตรีมบน Spotify ถึง 1 พันล้านครั้งในตอนนี้ แล้วยังได้รับรางวัล "MTV Europe Music Award" อีกด้วย และต่อมาในปี 2016 เขาได้ปล่อยเพลง Perfect Strangers ที่มี JP Cooper มาร่วมร้องนำให้ซึ่งมียอดฟังใน Spotify ถึง 900 ล้านครั้งเลยทีเดียว และในปีนั้นเขายังได้ขึ้นเล่นงาน Tomorrowland 2016 อีกด้วย บอกเลยว่าไม่ธรรมดา รวมถึงเขายังมีเพลงที่ฮิตติดหูอย่าง "By Your Side" Ft.Raye "Mama" Ft.William Singe "Rise" Ft.Jack&Jack และมีผลงานอีกมากมายที่บอกเลยว่าดีมาก ๆ 

Trivecta


Trivecta หรือ Sam Dobkind

เป็นดีเจ/โปรดิวเซอร์สาย Melodic Dubstep / Dubstep จากค่ายเพลง Ophelia Records ซึ่งเริ่มต้นทำเพลงเมื่อปี 2014 โดยปล่อยเพลง "One Night Only" ในค่าย Monstercat ในปี 2017 ได้ Remix เพลง "Fractures" ของ Illenium ซึ่งมียอดฟังถึง 10 ล้านครั้ง ทำให้ช่วงนั้นเป็นขาขึ้นของเขาอย่างมากและได้เป็นซัพพอร์ทศิลปินสาย Bass มากมาย หลังจากนั้นในปี 2019 เขาได้เข้าร่วมกับค่าย Ophelia Records และได้ปล่อยเพลง "Island Ft.Nevve" ที่ทำร่วมกับ Seven lions และ Wooli และขึ้นไปครองชาร์ต Billboard อันดับ 20 ในปีนั้น 

ผลงานของเขามีคุณภาพสูง และได้ผ่านเวทีระดับโลกมากมาย ในการทัวร์อัลบั้ม "The Way Back Up" เขาจะมาเล่นที่ประเทศไทยครั้งแรก และมีเพลงฮิตมากมายเช่น "Riptide Ft.Rory" และ "Oxygen" ที่ได้รับความนิยมและร่วมงานกับศิลปินอื่น ๆ ในวงการ Bass music

Boys Noize


Alexander Ridha (Boys Noize)

มาถึง Alexander Ridha หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนาม Boys Noize เป็นดีเจ/โปรดิวเซอร์สาย House/Techno ที่เริ่มต้นเข้าสู่วงการตั้งแต่อายุ 15 ปี โดยมีความรักในแนวเฮาส์และเทคโนเป็นอย่างมาก เขาได้ปล่อยอัลบั้มแรก "Oi Oi Oi" ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม และได้รับรางวัล "Best Electronic Act" จาก Beatport 3 ปีซ้อน อีกทั้งยังเคยเล่นที่งาน Coachella ถึง 3 ครั้ง เขาได้เล่นร่วมกับ Skrillex ในโปรเจกต์ "Dog Blood" และเคยเล่นในเวทีระดับโลกอีกมากมาย เพลงของเขามียอด Steaming รวม ๆ ถึง 60 ล้านครั้ง อีกทั้งยังมีผลงานร่วมกับ Snoop Dog อีกด้วย การมีโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดาแบบนี้ เชื่อว่าหลายคนคงรอเขามานาน และแน่นอนว่าทุกคนไม่ควรพลาดการแสดงของเขาในครั้งนี้ที่ประเทศไทย

NGHTMRE


NGHTMRE หรือ Tyler Marenyi

ดีเจ/โปรดิวเซอร์สาย Bass music ชาวสหรัฐอเมริกา เขาเริ่มเรียนทำเพลงจาก Icon Collective Music Production School และที่นั่นก็ได้เป็นการพบเจอกันครั้งแรกกับ Duo สุดโหดในตอนนี้อย่าง Slander จึงทำให้เกิด Gud Vibrations ด้วยกันในที่สุด

Nghtmre เปิดตัวด้วยการเซ็นสัญญากับค่ายเพลงของ Diplo แล้วปล่อยเพลงแรก "Street" หลังจากนั้นไม่นาน Skrillex ก็ได้นำเพลงของเขามาเล่นที่ Ultra Music Festival ต่อมาเขาได้ขึ้นเล่นงาน EDC Las Vegas 2015 ซึ่งเป็นครั้งแรกของเขาที่ได้เล่นงานเฟสระดับโลก ต่อมาปี 2016 เขาได้ปล่อย "NGHTMRE" Ep เดี่ยวของเขาแล้วติด Top Dance/Electronic Albums chart อันดับ 17 อีกด้วย

ผลงานเพลงของเขานั้นบอกเลยว่ามีแต่เด็ด ๆ ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น "Aftershock" ที่ทำกับ BoomBox Cartel "No Coming Down" ที่มียอดสตรีมถึง 19 ล้านครั้ง เพลง "Redlight" ที่ได้แร็ปเปอร์ชื่อดัง A$AP Ferg มาร่วมด้วยและผลงานอื่น ๆ อีกมากมาย และตอนนี้เขากำลังทัวร์อัลบั้มแรกของเขา "DRMVRSE" ซึ่งพวกเราก็จะได้ดูอัลบั้มนี้ครั้งแรกที่งาน Together Festival 2023 อีกด้วย 

SLANDER


SLANDER หรือ Derek Andersen และ Scott Land

ดีเจ/โปรดิวเซอร์สาย Bass music ชาวลอสแอนเจลิส ทั้งคู่เจอกันที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เออร์ไวน์ และจบการศึกษาที่ Icon Collective Music Production School เหมือนกับ Nghtmre พวกเขาเริ่มนำเพลงของ Showtek "We Like To Party" มา Remix แล้วได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมียอดวิวสูงถึง 14 ล้านวิวเลยทีเดียว ต่อมาทั้งคู่ได้ปล่อยเพลง "Nuclear Bonds" ในค่าย "Mad Decent" ของ Diplo ที่ทำร่วมกับ Nghtmre หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ได้ปล่อยเพลง "Gud Vibrations" เป็นเพลงฮิตที่ดังมาก ๆ อีกเพลงนึงที่มียอดสตรีมถึง 59 ล้านครั้งใน Spotify จนทำให้ในปี 2018 พวกเขาได้ก่อตั้งค่ายเพลง Gud Vibrations กับ Nghtmre ในที่สุด และทั้งนี้ผลงานในเฟสติวัลของทั้งคู่ ไม่พูดถึงไม่ได้เพราะทั้งคู่ลุยงานมามากมายไม่ว่าจะเป็น Ultra Music Festival , Electric Daisy Carnival (EDC) , Tomorrowland และงานอื่น ๆ

เพลงของพวกเขาบอกเลยว่ามีเพลงฮิตติดหูมากมายไม่ว่าจะเป็น "Superhuman" "You Don't Even Know Me" ที่ได้ดูโอ้สุดโหดอย่าง Riot มาร่วมทำด้วยกัน เพลงฮิตอีกหนึ่งเพลง "Fits Time" ที่มีพ่อใหญ่ Seven Lions และ Dabin ร่วมทำนั้น มียอดสตรีมถึง 42 ล้าน ใน Spotify แล้วยังมีเพลงฮิตมาก ๆ อีกเพลง "Love Is Gone" ที่ได้หนุ่มหล่อ Dylan Matthew มาขับร้องให้อีกด้วย ผลงานเยอะขนาดนี้การันตีความมันส์แน่นอน

Adventure Club


Adventure Club 

ดีเจ/โปรดิวเซอร์ดูโอ้ชาวแคนาดา Christian Srigley และ Leighton James สาย Bass music ที่ทั้งคู่เริ่ม Project ด้วยการตั้งวงป็อปพังก์ขึ้นมาในสมัยเรียนมัธยมแต่ต่อมาก็ได้ตัดสินใจมาเริ่มทำเพลงแนว Electronic และเริ่มต้นทำ Adventure Club จากนั้นเป็นต้นมา

ทั้งนี้เขายังชื่นชอบเพลงจาก Tiesto และ Srillex โดยเพลงของทั้งคู่จะมีความเป็น EDM และ Dubstep ผสมผสานอยู่ด้วยกัน จนทำให้ทั้งคู่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากการนำเพลงมา Remix อาทิ "Crave You" ของ Flight Facilities ที่มียอดสตรีมถึง 110 ล้านครั้ง เป็นอีกหนึ่งศิลปินสาย Bass ที่โตไวมาก ๆ ส่วนเรื่องการแสดงนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยผ่านเวทีใหญ่ ๆ มาไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น Coachella, Ultra Music Festival, EDC Lasvegas และอีกมากมาย

Galantis


Galantis หรือ Christian Karlsson และ Johan Linus Eklöw

ดีเจ/โปรดิวเซอร์สาย Elrctro / Progressive House ชาวสวีเดน ทั้งคู่นั้นพบกันครั้งแรกโดยบังเอิญที่สตูดิโอของ Karlsson ในช่วงปี 2007 แล้วต่อมาในปี 2009 Karlsson ได้ชวน Eklöw มาช่วยโปรดิวซ์เพลงด้วยกัน และหลังจากนั้นก็เริ่มทำความรู้จักกัน เริ่มสนิทกันจนในปี 2012 ก็เกิดตัวโปรเจกต์ Galantis และปล่อย 2 เพลง "Raveheart" และ "Tank" มาทันที 

แล้วต่อมาทั้งคู่ได้เซ็นสัญญากับ Atlantic Record ในช่วงปี 2013 และปล่อยเพลง "Smile" ซึ่งเป็นการเปิดตัวที่ดีมาก ได้กระแสตอบรับดีสุด ๆ โดยในปี 2014 พวกเขาก็ได้ปล่อยเพลงที่เปลี่ยนโลกไปเลยอย่าง "You" และเพลงประจำตัว "Runaway (U&I)" ที่มียอดฟังรวมมากกว่า 800 ล้านสตรีมถือว่าเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของพวกเขาเลยก็ว่าได้ และยังมีเพลงดังอีกมากมาย โดยแต่ละเพลงนั้นดังมาก ๆ จึงทำให้พวกเขาได้ขึ้นเวทีระดับโลกอย่าง Tomorrowland, Coachella, Ultra Music Festival, EDC Lasvegas และอีกเยอะมาก ๆ ซึ่งการันตีความสนุกอย่างแน่นอน

ส่วนเพลงดังติดหูนั้นก็มีทั้ง "No Money" ทีมีการสตรีมมากถึง 796 ล้านสตรีมหรืออีกเพลงที่ดีมาก ๆ อย่าง "Gold Dust" และยังมีเพลง Heartbreak Anthem ที่ทำกับ Devid Guetta ที่ยอดสตรีมถึง 390 ล้านครั้งเลยทีเดียว หลาย ๆ เพลงของทั้งคู่นั้นถูกศิลปินแนวหน้าระดับโลกนำไปเปิดเยอะมาก ไม่ว่าจะไปเฟสติวัลไหนก็ต้องได้ยิน 

Imanbek


Imanbek หรือ Maratuly Zeikenov 

ดีเจ/โปรดิวเซอร์ Slap House ชาวคาซัคสถาน ที่เริ่มต้นด้วยการทำงานขนส่งรถไฟ แต่มีความชอบทางดนตรีเป็นอย่างมาก มีผลงานโดดเด่นจากการ Remix เพลง "Roses" ของ SAINt JHN ในปี 2019 ที่ทำให้เป็นไวรัลบนโลกออนไลน์และได้รับรางวัล Grammy Award ในปี 2021 นอกจากนี้ยังมีผลงานเพลงอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมเช่น "DOPE" และ "Big" ทำร่วมกับ Devid Guetta และ Rita Ora อีกทั้งได้เข้าร่วมเทศกาลดนตรีระดับโลกมากมาย เช่น EDC Lasvegas, Sunset Music Festival ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาจะมาเล่นที่ประเทศไทย ผลงานดนตรียอดเยี่ยมสุดขนาดนี้ รับรองว่าจะพาชาว Together Festival สนุกและมันส์อย่างแน่นอน

แค่ไฮไลต์จาก Main Stage ยังว๊าวขนาดนี้ โปรไฟล์ดีเจแต่ละคนไม่ธรรมดาจริง ๆ สมกับเป็นตัวท็อป แบบนี้ต้องมาปะทะความมันส์กันซะหน่อยแล้ว ซึ่งจะบอกว่าศิลปิน-ดีเจที่จะมาไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะยังมีเหล่าดีเจระดับโลกที่จะมาร่วมสร้างความมันส์ในปีนี้อีกมากมาย สำหรัอีกหนึ่งเวทีอย่าง Monstercat Stage  เอาใจแฟน ๆ สาย Bass ชาวไทยด้วยค่ายเพลงระดับโลกที่ขนกองทัพศิลปิน/ดีเจมาให้ชมแบบจุก ๆ ไปเลยยย ไม่ว่าจะเป็น 

👉 Adventure Club 

👉 Dirtyphonics 

👉 Kompany

👉 Koven 

👉 Muzz 

👉 Ookay 

👉 Spag Heddy 

👉 Wooli 


TOGETHER FESTIVAL 2023

📅 งานจัดขึ้นในวันที่ 4 - 5 พฤษภาคม 2566 

📍  สถานที่ Bitec Bangna

👉 ช่องทางการจำหน่ายบัตร ซื้อบัตรได้ผ่านทาง www.togetherfestival.net

➡ ติดตามรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติมที่นี่ > Together Festival


ขอบคุณภาพ FB : Together Festival

Share